Browse By

Tag Archives: แฟนบอล

บาเยิร์น มิวนิก หวังนาบรีฟื้นตัวทันเกมรับคลับบรูช

ในช่วงเวลาที่การแข่งขันฟุตบอลยุโรป บาเยิร์น มิวนิก กำลังเข้มข้นที่สุดแห่งปี ทุกสายตาในเมืองมิวนิกต่างจับจ้องไปที่สนามซ้อมซาเบเนอร์ สตราสเซอ เมื่อ แซร์จ นาบรี้ (Serge Gnabry) ปีกตัวเก่งของบาเยิร์น มิวนิก กลับมาลงซ้อมเบา ๆ อีกครั้งหลังจากหายไปนานหลายสัปดาห์ด้วยอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า สโมสรยังคงหวังว่าเขาจะฟื้นตัวทันสำหรับเกมสำคัญกับ คลับ บรูช ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นเกมชี้ชะตาสำคัญต่อการเข้ารอบของทีม ข่าวดีนี้สร้างความคึกคักให้กับแฟนบอลเสือใต้ที่ต่างรอคอยการกลับมาของนาบรี้ หนึ่งในนักเตะที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกมรุกของทีมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ย้ายมาจากแวร์เดอร์ เบรเมน เขากลายเป็นกำลังหลักของบาเยิร์น ด้วยความเร็ว เทคนิค และสัญชาตญาณการจบสกอร์ที่เฉียบขาด เขาเป็นส่วนหนึ่งของแนวรุกสุดอันตรายที่ประกอบด้วย เลรอย ซาเน่, คิงส์ลีย์ โกมัน และแฮร์รี่ เคน ซึ่งเมื่อทุกคนฟิตพร้อม บาเยิร์นแทบจะเป็นทีมที่ไม่มีใครหยุดได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ที่นาบรี้ต้องพักจากอาการบาดเจ็บทำให้ทีมขาดความหลากหลายในเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในบางนัดที่บาเยิร์นต้องเจอกับทีมที่ตั้งรับลึกและปิดพื้นที่แน่น ความสามารถของนาบรี้ในการทะลุแนวรับและจบสกอร์ในพื้นที่แคบเป็นสิ่งที่ทีมขาดหายไปอย่างชัดเจน

ฟาน ไดค์ กระตุ้นให้ ลิเวอร์พูล สามัคคีเพื่อคว้าชัยให้แฟนๆ อีกครั้ง

บรรยากาศในแอนฟิลด์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความเงียบงันที่ไม่คุ้นตา หลังจาก ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่ายในเกมสำคัญต่อคู่ปรับตลอดกาล เสียงเชียร์ที่เคยดังกึกก้องถูกแทนที่ด้วยความผิดหวังและความกังวลจากแฟนบอลที่เริ่มตั้งคำถามกับฟอร์มของทีมในระยะหลัง แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอนนั้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมผู้มากด้วยประสบการณ์ ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “ทีมต้องไม่แตกแยก” พร้อมกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้รวมพลังกลับมาเพื่อตอบแทนความศรัทธาของแฟน ๆ ที่ยังคงเชื่อมั่นในสีเสื้อแดงแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ ฟาน ไดค์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมอย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้ หลังการอำลาของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางจิตใจของทีม เขาไม่เพียงเป็นหัวใจในแนวรับ แต่ยังเป็นเสาหลักของความมั่นคงทั้งในสนามและในห้องแต่งตัว การออกมาให้สัมภาษณ์ของเขาหลังเกมพ่ายในบ้าน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลจำนวนมากกลับมารู้สึกว่า ทีมยังไม่หมดไฟ “เราต้องไม่ปล่อยให้ความผิดหวังมาทำลายสิ่งที่เราสร้างกันมา” ฟาน ไดค์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องลุกขึ้นให้ได้และกลับไปทำงานหนักกว่าเดิม ทุกคนในทีมต้องเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เราจะกลับมาชนะได้อีกครั้ง และเราจะทำมันเพื่อแฟน ๆ ของเรา” คำพูดของกัปตันชาวดัตช์อาจฟังดูเรียบง่าย แต่สำหรับผู้ที่ติดตามลิเวอร์พูลมาตลอด จะรู้ว่านี่คือคำมั่นสัญญาที่มาจากหัวใจของนักเตะที่ทุ่มเททุกหยดของพลังเพื่อสโมสรตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้ามาในถิ่นแอนฟิลด์ เขาคือผู้นำที่ไม่พูดพร่ำ แต่แสดงออกด้วยการกระทำ และในช่วงเวลาที่ทีมต้องการแรงบันดาลใจ ฟาน ไดค์ก็กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญที่สุด การพ่ายแพ้ในเกมล่าสุดไม่เพียงส่งผลต่อคะแนนในตารางพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำประตูชัย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกชนะ ลิเวอร์พูล 2-1

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เสียงนกหวีดสุดท้ายที่ดังขึ้นในสนามแอนฟิลด์ กลายเป็นเสียงแห่งความสุขของแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลก เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกล็อกบุกมาคว้าชัยเหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล 2-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกสุดเดือด แต่สิ่งที่ทำให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นตำนานบทใหม่ในหัวใจของแฟนผีคือชื่อของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ — กองหลังผู้เคยถูกวิจารณ์อย่างหนัก กลับกลายมาเป็นฮีโร่ที่พาทีมคว้าชัยในสนามที่ไม่ง่ายจะเอาชนะได้ ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่เพียงสามแต้มธรรมดา แต่มันคือสัญลักษณ์ของความอดทน ความเชื่อมั่น และการต่อสู้ของนักเตะที่ไม่ยอมแพ้ต่อเสียงวิจารณ์ แม็กไกวร์ถูกตราหน้ามาเกือบสองปีว่าเป็นหนึ่งใน “จุดอ่อน” ของทีม ถูกลดบทบาทจากกัปตันทีม และตกไปเป็นตัวสำรองอยู่หลายเดือน แต่คืนที่แอนฟิลด์ เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการกลับมายืนบนจุดสูงสุดอีกครั้ง บรรยากาศก่อนเกมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งสองทีมต่างรู้ดีว่านี่คือเกมแห่งศักดิ์ศรีที่มีความหมายมากกว่าคะแนน ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของเจอร์เก้น คล็อปป์ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจากฟอร์มอันร้อนแรง ขณะที่ยูไนเต็ดของเอริก เทน ฮาก ต้องการชัยชนะเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนหลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เสียงเชียร์ของแฟนเจ้าบ้านดังกระหึ่มตั้งแต่นาทีแรก แต่ลูกทีมปีศาจแดงกลับตอบสนองด้วยความเยือกเย็นและการเล่นอย่างมีวินัย ยูไนเต็ดเริ่มต้นเกมด้วยการวางแผนตั้งรับอย่างรัดกุม ใช้แผงหลังสามคนที่มีแม็กไกวร์ยืนเป็นแกนกลาง คอยคุมจังหวะและสั่งการเพื่อนร่วมทีม ขณะที่ลิเวอร์พูลพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้น แต่เจาะแนวรับทีมเยือนได้ยาก โอกาสแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 14 เมื่อโมฮาเหม็ด

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ให้สัมภาษณ์หลังพ่าย แอสตัน วิลล่า 1-2

ค่ำคืนที่สนาม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม จบลงด้วยความผิดหวังของแฟนบอลเจ้าบ้าน เมื่อสเปอร์สต้องพ่ายต่อแอสตัน วิลล่า 1-2 ทั้งที่เป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสได้มากกว่าแทบตลอดทั้งเกม หลังเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น โธมัส แฟร้งค์ กุนซือชาวเดนมาร์กของสเปอร์ส ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ เขากล่าวว่า “ถ้าดูจากรูปเกมโดยรวม ผมคิดว่าสกอร์ 1-1 น่าจะเป็นผลที่ยุติธรรมที่สุด แต่ฟุตบอลไม่เคยยุติธรรมเสมอไป บางครั้งทีมที่เฉียบคมกว่าในจังหวะสุดท้ายก็เป็นฝ่ายชนะ” คำพูดนี้สะท้อนถึงความรู้สึกของผู้จัดการทีมที่เห็นลูกทีมเล่นได้ดีเกือบตลอด 90 นาที แต่ต้องพ่ายแพ้จากรายละเอียดเล็กน้อยที่เปลี่ยนผลการแข่งขันได้ทั้งหมด สเปอร์สของโธมัส แฟร้งค์ยังคงรักษาสไตล์การเล่นที่เน้นการต่อบอลและบีบพื้นที่สูงแบบที่เขานำมาจากประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกกับเบรนท์ฟอร์ด แต่ความแตกต่างในเกมนี้คือ “ประสิทธิภาพ” ที่ยังไม่คมพอในพื้นที่สุดท้าย ตั้งแต่นาทีแรกของเกม สเปอร์สออกสตาร์ตได้อย่างร้อนแรง โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ของซน ฮึง-มิน และเดยัน คูลูเซฟสกี้ ที่คอยป่วนแนวรับของแอสตัน วิลล่าตลอดเวลา การประสานงานระหว่างแนวรุกดูมีชีวิตชีวา และแฟนบอลเจ้าบ้านต่างลุ้นทุกครั้งที่ทีมเปิดบอลเข้าเขตโทษ นาทีที่ 22 ความพยายามของพวกเขาก็ได้ผลเมื่อเจมส์ แมดดิสัน เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษให้คริสเตียน